การทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะพิมพ์งาน ประชุมออนไลน์ หรือแม้กระทั่งหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ล้วนทำให้ดวงตาต้องรับแสงสีฟ้าตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว แสงสีฟ้านี้เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาล้า แสบตา นอนไม่หลับ และอาจเพิ่มความเสี่ยงจอประสาทตาเสื่อมเมื่อสะสม
แว่นกรองแสงไม่ได้เป็นแค่ไอเท็มเสริมแฟชั่น แต่เป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับคนทำงานดิจิทัลโดยเฉพาะ ใครที่ใช้ชีวิตกับจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นหลัก เช่น กราฟิกดีไซเนอร์ นักการตลาด หรือสายออกแบบรับทำเว็บไซต์ ควรมีติดไว้เพื่อสุขภาพตาที่ดีในระยะยาว ช่วยให้ทำงานได้ต่อเนื่อง นอนหลับได้สนิทขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคตาในอนาคตแบบคุ้มค่าการลงทุน
แสงสีฟ้าเป็นพลังงานส่วนหนึ่งของแสงที่มองเห็นได้ ซึ่งมีช่วงความยาวคลื่นสั้นและมีพลังงานสูง
แสงสีฟ้ามีอยู่ตามธรรมชาติจากแสงแดดเป็นหลัก แต่ในปัจจุบัน เราได้รับแสงสีฟ้าจากแหล่งกำเนิดแสงประดิษฐ์มากขึ้น โดยเฉพาะจากหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัลที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ รวมถึงหลอดไฟ LED และหลอดฟลูออเรสเซนต์ด้วยค่ะ
แม้แสงสีฟ้าจะมีประโยชน์บางอย่าง เช่น ช่วยกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่าและควบคุมวงจรการหลับ-ตื่น (Circadian Rhythm) ของร่างกาย แต่การได้รับแสงสีฟ้าในปริมาณมากเกินไป โดยเฉพาะจากอุปกรณ์ดิจิทัลในระยะเวลาที่นาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หลายด้าน
- สายตาล้า-พร่ามัว-ตาแห้ง เพราะกล้ามเนื้อตาเกร็งค้างนาน
- นอนหลับแย่ลง เพราะแสงสีฟ้าไปกดฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายคิดว่ายังกลางวันอยู่
- เสี่ยงจอประสาทตาเสื่อมในระยะยาว งานวิจัยบางฉบับพบว่าแสง HEV อาจเร่งความเสื่อมของจอประสาทตา (แม้ไม่ใช่สาเหตุหลักก็ตาม)
ถ้าคุณ…ทำงานหน้าจอ >6 ชม./วัน , เล่นมือถือ หรือ แท็บเล็ตทุกคืนก่อนนอน , มีอาการปวดหัว หรือ ตาพร่าบ่อยๆ หลังทำงาน แนะนำว่าคุณควรมีอย่างยิ่ง
-
ลดอาการตาล้า (Digital Eye Strain) ผู้ใช้หลายคนรู้สึกว่าแว่นกรองแสงสีฟ้าช่วยลดอาการตาล้า ปวดตา ตาแห้ง หรือปวดศีรษะจากการจ้องหน้าจอดิจิทัลเป็นเวลานาน เลนส์เหล่านี้มักมีการเคลือบสารลดแสงสะท้อน (Anti-glare) ซึ่งช่วยให้สบายตาขึ้นจริง
-
ช่วยเรื่องการนอนหลับ มีหลักฐานบางส่วนชี้ว่าการลดการได้รับแสงสีฟ้าในช่วงเย็น (โดยเฉพาะ 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน) สามารถช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินได้ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้หลับง่ายขึ้นและคุณภาพการนอนดีขึ้น แว่นกรองแสงสีฟ้าจึงอาจมีส่วนช่วยในจุดนี้ได้
-
ลดความจ้า (Glare) เลนส์กรองแสงสีฟ้าบางชนิดช่วยลดความจ้าจากหน้าจอ ทำให้ภาพดูสบายตามากขึ้น
แว่นกรองแสงเป็นเพียง "ตัวช่วย" เสริมเท่านั้น แม้จะหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าทั้งหมดไม่ได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
- ใช้แว่นตากรองแสงสีฟ้า ช่วยกรองแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์ดิจิทัล
- ติดฟิล์มกรองแสงหน้าจอ ลดปริมาณแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอ
- ปรับตั้งค่าหน้าจอ ใช้โหมดถนอมสายตา (Night Mode / Blue Light Filter) หรือปรับโทนสีหน้าจอให้อุ่นขึ้น โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
- ลดความสว่างหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
- พักสายตาเป็นประจำ (กฎ 20-20-20): ทุกๆ 20 นาที ให้พักสายตา 20 วินาที โดยมองออกไปไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร)
- จำกัดเวลาหน้าจอ โดยเฉพาะก่อนนอน ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
- จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เพิ่มแสงสว่างโดยรอบในห้องขณะใช้หน้าจอ เพื่อลดความต่างของแสง
- บำรุงสุขภาพตา รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น ผักใบเขียวเข้ม, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ