เช็คลิสต์การบรีฟงานที่ดี: ทำอย่างไรให้กราฟิกทำงานง่าย ครบ จบในบรีฟเดียว
การบรีฟงาน (Briefing) คือการสื่อสารข้อมูลสำคัญจากผู้ว่าจ้างไปยังทีมงานกราฟิกหรือดีไซเนอร์ เพื่อให้งานออกแบบที่ได้มาตรงกับความต้องการมากที่สุด บรีฟงานไม่ใช่แค่การบอกโจทย์แบบสั้นๆ แต่เป็นการวางแผนที่ครอบคลุมทั้ง วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย เนื้อหา สไตล์ และกำหนดเวลา
หากบรีฟงานไม่ชัดเจน โอกาสที่จะเกิดการแก้งานซ้ำหลายรอบก็จะสูง ส่งผลให้เสียเวลา งบประมาณ และทำให้งานล่าช้า
การบรีฟงาน สามารถใช้ได้ในทุกอาชีพ ทั้งอาชีพรับจ้าง ไม่ว่าจะ นักออกแบบกราฟิก , รับทำ SEO , รับกำจัดปลวก ก็ล้วนต้องได้รับบรีฟก่อนการทำงานเสมอ
การบรีฟงานที่ดีมีความสำคัญมาก เพราะ:
- ช่วยให้ นักออกแบบ หรือ ผู้ที่รับงาน เข้าใจเป้าหมายที่แท้จริง ไม่ใช่ทำงานตามความสวยงามเพียงอย่างเดียว
- ลดการแก้งานซ้ำซ้อน ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น และได้ผลงานที่ตรงใจ
- สร้างมาตรฐานการทำงานระหว่างผู้ว่าจ้างกับทีมกราฟิกให้มีความเป็นมืออาชีพ
- เพิ่มความคุ้มค่าในเชิงธุรกิจ เพราะทุกการออกแบบที่เสร็จสมบูรณ์คือเครื่องมือที่ใช้สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจรับทำการตลาด รับทำSEO ธุรกิจความงามและต้องการออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือทำ สกรีนกระปุกครีม ให้ดูโดดเด่น ถ้าคุณบรีฟงานครบถ้วนตั้งแต่แรก ทั้งโทนสี โลโก้ ฟอนต์ และสไตล์ที่ต้องการ ผู้รับงาน ก็จะสามารถทำงานได้ตรงใจและไม่ต้องเสียเวลาแก้งานหลายรอบ ผลลัพธ์ที่ได้คือบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์และดึงดูดความสนใจของลูกค้า
นี่คือ เช็คลิสต์ที่ควรมีในบรีฟงาน ถ้าอยากให้กราฟิกทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
01 - ข้อมูลพื้นฐานของงาน
- ชื่อโปรเจกต์: เช่น “แคมเปญโปรโมชัน 9.9”
- ประเภทงาน: Banner / Poster / Infographic / Social Media Post / Packaging ฯลฯ
- ขนาดและสัดส่วน: ระบุชัด เช่น 1080x1080 px หรือ A3 แนวตั้ง
- แพลตฟอร์มที่จะใช้: Facebook, Instagram, Website, หรือสื่อออฟไลน์
ถ้าไม่มีขนาดชัดเจน ดีไซเนอร์จะต้องเดา และมักจะตามมาด้วย “ขอแก้เป็นขนาดนี้แทน”
02 - วัตถุประสงค์ของงาน
- งานนี้ทำไปเพื่ออะไร? (เช่น โปรโมทสินค้า, สร้างการจดจำแบรนด์, กระตุ้นยอดขาย)
- กลุ่มเป้าหมายคือใคร? (เช่น วัยรุ่น 18–24 ปี, คนทำงานออฟฟิศ, แม่บ้าน)
- คีย์เมสเสจหลักที่อยากสื่อคืออะไร?
เมื่อดีไซเนอร์เข้าใจเป้าหมาย งานจะถูกออกแบบให้ “ตอบโจทย์” ไม่ใช่แค่สวย
03 - เนื้อหา (Content) ที่ต้องใส่
- ข้อความหลัก (Headline): เช่น “ลดสูงสุด 50%”
- ข้อความรอง (Subtext): เช่น รายละเอียดเงื่อนไข โปรโมชัน
- โลโก้ / สโลแกน
- Call-to-Action (CTA): เช่น “ช้อปเลย” “ลงทะเบียนที่นี่”
- รูปภาพหรือสินค้าที่ต้องใช้ (ถ้ามีไฟล์ ต้องแนบมาให้ด้วย)
การให้ข้อความครบตั้งแต่แรกช่วยลดการแก้งานเพราะ “ลืมใส่”
04 - สไตล์งานและโทนภาพ
- Mood & Tone: สดใส / มินิมอล / หรูหรา / ดุดัน / น่ารัก
- โทนสีหลัก–รอง
- ฟอนต์ที่ควรใช้ (หรือห้ามใช้)
- ตัวอย่าง Reference ที่ชอบ (Moodboard หรือภาพแนบมา)
บอกทิศทางชัดตั้งแต่ต้น จะช่วยให้ได้งานที่ตรงกับรสนิยม ไม่ต้องแก้เพราะ “ไม่ถูกใจ”
05 - Deadline และการส่งไฟล์
- วัน–เวลาที่ต้องการไฟล์ Final
- ฟอร์แมตไฟล์: JPG / PNG / PDF / AI / PSD
- จำนวนชิ้นงานที่ต้องส่ง (เช่น 3 แบบเลือก 1, หรือ 1 ไฟล์สุดท้ายเท่านั้น)
ดีไซเนอร์จะสามารถวางลำดับความสำคัญของงานได้ถูก ไม่ทำงานรีบแบบไฟลนก้น
06 - งบประมาณและเงื่อนไข (ถ้ามี)
- งบประมาณการออกแบบ
- จำนวนรอบแก้ที่รวมในงบ (เช่น แก้ได้ 2 รอบ)
- เงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ห้ามใช้ภาพลิขสิทธิ์, ต้องเป็นภาพถ่ายจริง
07 - ช่องทางการสื่อสาร
- ผู้ติดต่อหลัก: ชื่อ + เบอร์โทร/LINE/Email
- ช่องทางส่งไฟล์: Google Drive / Dropbox / Email
เพื่อป้องกันการสื่อสารผิดพลาดหรือไฟล์หาย
การบรีฟงานที่ครบถ้วนตั้งแต่แรก คือ การลงทุนเล็กๆ ที่ได้ผลใหญ่ งานออกมาตรงใจ ไม่ต้องแก้บ่อย ดีไซเนอร์ทำงานง่ายขึ้น และคุณเองก็ได้ผลงานที่เร็วขึ้น ตรงเป้า และมืออาชีพกว่า